มักเกิดขึ้นที่ไอเดียสร้างสรรค์ที่สุดหรือวิธีแก้ปัญหาจะปรากฏขึ้นเหมือนเวทมนตร์ในช่วงเวลาที่ไม่คาดคิดที่สุด
ปรากฏการณ์นี้เป็นที่รู้จักในชื่อ “เอฟเฟกต์ฝักบัว” ซึ่งหมายถึงความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นระหว่างกิจกรรมที่จิตใจไม่ได้จดจ่ออย่างเต็มที่
กิจกรรมอย่างการพาสุนัขเดินเล่น ทำสวน หรือแม้แต่ล้างจาน เป็นตัวอย่างของงานที่ทำในโหมด “อัตโนมัติ” ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จิตใจสามารถล่องลอยและสร้างการเชื่อมโยงที่ไม่ธรรมดาได้
วิทยาศาสตร์เบื้องหลังความคิดสร้างสรรค์
นักวิจัยพบว่าในช่วงเวลาพักผ่อนเหล่านี้ เครือข่ายโหมดดีฟอลต์ (DMN) ของสมองจะถูกกระตุ้น
เครือข่ายนี้เชื่อมต่อหลายส่วนของสมองและช่วยให้สมองเข้าถึงความทรงจำที่ไม่ค่อยพบเห็นและสร้างการเชื่อมโยงแบบสุ่ม ซึ่งสามารถช่วยให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ได้
ตามที่นักประสาทวิทยาด้านความรู้ความเข้าใจ Kalina Christoff กล่าวไว้ เป็นความเชื่อผิดว่าความคิดสร้างสรรค์มาจากความพยายามอย่างมีสติเท่านั้น; แท้จริงแล้ว ช่วงเวลาที่ไม่มีการทำงานก็สำคัญไม่แพ้กันสำหรับกระบวนการสร้างสรรค์
ความแตกต่างระหว่างกิจกรรมสมองในงานที่ต้องใช้สมาธิสูงกับงานที่ปล่อยให้จิตใจล่องลอยนั้นชัดเจนมาก
ในขณะที่สมาธิสูง ระบบควบคุมบริหารจะเข้าควบคุม จำกัดความคิดให้อยู่ในกรอบที่มีเหตุผลและมีโครงสร้าง แต่การรักษาสมดุลระหว่างสองสถานะนี้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ความคิดสร้างสรรค์เบ่งบาน
เทคนิคเด็ดเพื่อพัฒนาสมาธิของคุณ
งานวิจัยล่าสุดและผลการค้นพบ
การศึกษาที่นำโดย Zac Irving และ Caitlin Mills ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Psychology of Aesthetics, Creativity, and the Arts แสดงให้เห็นว่าการปล่อยให้จิตใจล่องลอยสามารถนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้สมาธิระดับปานกลาง
ก่อนหน้านี้ งานวิจัยของ Benjamin Baird ในปี 2012 ยืนยันว่างานที่ไม่ต้องใช้ความพยายามมากช่วยให้จิตใจล่องลอย ส่งเสริมการฟักตัวของไอเดียสร้างสรรค์
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกไอเดียที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้จะมีประโยชน์ Roger Beaty เตือนว่าแม้ DMN จะเป็นกุญแจสำคัญ แต่ส่วนอื่นๆ ของสมองก็จำเป็นสำหรับการประเมินและปรับแต่งไอเดียเหล่านั้น
ดังนั้น การผสมผสานระหว่างความคิดเสรีและตรรกะอย่างสมดุลอาจมีประสิทธิภาพมากกว่าในการสร้างสรรค์ทางแก้ปัญหา
พัฒนาความจำและสมาธิของคุณ
บริบทมีความสำคัญ
ผลการค้นพบของ Irving ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของบริบทที่ทำงานเหล่านั้น
กิจกรรมที่น่าสนใจในระดับปานกลาง เช่น การเดินเล่นหรือทำสวน ดูเหมือนจะเหมาะสมที่สุดในการกระตุ้นช่วงเวลาความคิดสร้างสรรค์
สิ่งนี้บ่งชี้ว่าการออกแบบสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นความสนใจในระดับเหมาะสม โดยไม่ต้องเรียกร้องความสนใจทั้งหมดจากสมอง อาจช่วยเพิ่มศักยภาพความคิดสร้างสรรค์ของบุคคลได้สูงสุด
โดยสรุป การปล่อยให้จิตใจล่องลอยไม่ใช่แค่กิจกรรมยามว่าง แต่เป็นเครื่องมือทรงพลังสำหรับความคิดสร้างสรรค์ เมื่อปล่อยให้จิตใจล่องลอย จะเปิดประตูสู่การเชื่อมโยงที่ไม่คาดคิดและทางแก้ปัญหาใหม่ๆ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาสมดุลระหว่างช่วงเวลาที่มีสมาธิกับช่วงเวลาพักผ่อนและไตร่ตรอง