ไม่มีใครอยากละทิ้งสิ่งที่เขาต่อสู้มาตลอดหลายปี ไม่มีใครอยากปล่อยคนที่เขาเคยจินตนาการถึงอนาคตด้วย
อุปสรรคแต่ละอย่างเป็นสัญญาณที่เราต้องรับรู้ ฟัง และสัมผัส เพื่อก้าวไปข้างหน้าในเส้นทางของเรา
ถ้าคุณกำลังประสบกับสัญญาณเหล่านี้ นั่นคือเวลาที่ต้องหยุด สังเกต และประเมินสถานการณ์ปัจจุบันของคุณใหม่
คุณสมควรได้รับความสุข
ถ้าที่ที่คุณอยู่ไม่ทำให้คุณมีความสุขอีกต่อไป ก็ไม่เป็นไรที่จะถอยออกมา
การยอมรับว่าอะไรบางอย่างหรือใครบางคนไม่เหมาะสมเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
สิ่งสำคัญคือคุณต้องให้ความสำคัญกับตัวเองก่อน
2. ค้นพบประกายไฟภายในตัวคุณ
เมื่อคุณดูรูปถ่ายของตัวเอง คุณเห็นเปลวไฟที่ส่องประกายในดวงตาของคุณไหม? คุณรู้สึกว่าจิตวิญญาณของคุณลุกโชนทุกครั้งที่เริ่มโปรเจกต์ใหม่หรือประสบความสำเร็จสิ่งสำคัญไหม? ความหลงใหลคือเครื่องยนต์ที่เราต้องการเพื่อก้าวไปข้างหน้าในชีวิต
ถ้าไม่มีมัน เราเสี่ยงที่จะหลงทางในตัวเอง
สิ่งที่เราเคยอยากทำสูญเสียความสำคัญ เพราะเราไม่จำได้ว่าทำไมมันถึงมีความหมายกับเรา
ไฟนั้นที่เคยลุกโชนแรง ตอนนี้แทบจะเป็นเพียงแค่แสงริบหรี่ และแม้เราจะพยายามจุดมันขึ้นใหม่ ก็ไม่มีวันถึงความเข้มข้นเดิม
ช่วงเวลาที่เราคิดว่าในที่สุดเราก็ได้ทุกสิ่งที่ต้องการ วันนี้ดูเหมือนฝันไกล
บางทีคุณอาจได้งานหรือคนที่เคยปรารถนา แต่วันนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
อาจเป็นบทบาทของพวกเขาที่นำทางคุณไปสู่บางสิ่งหรือบางคนอื่น บางทีอาจถึงเวลาที่ต้องกล่าวลาและเดินหน้าค้นหาประกายไฟที่หายไป
อย่ายอมแพ้ต่อเงามืด จงต่อสู้เพื่อเรียกคืนความหลงใหลที่กระตุ้นให้คุณเปล่งประกายด้วยแสงของตัวเอง โดยไม่กลัวที่จะมองย้อนกลับไปยังความมืดในอดีต
3. เมื่อคุณไม่รู้สึกว่ามีทางเลือกอื่น ฟังสัญชาตญาณของคุณ
ในช่วงเวลาที่เราตกอยู่ในสถานการณ์สุดขีด สิ่งสำคัญคือการใส่ใจตัวเอง
ความรู้สึกไม่สบายใจหรือท้อแท้ที่เกิดขึ้นเมื่อมีคนคนหนึ่งโทรหาคุณ อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ถ้าคุณยังคงกลับไปและปล่อยคนคนนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาจมีบางอย่างในใจลึกๆ ที่ไม่สงบ
เช่นเดียวกัน ถ้าแม้จะพยายามแล้ว คุณยังรู้สึกไม่สบายใจในงานของคุณ อาจต้องวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้รู้สึกเช่นนั้น
อย่าคิดว่าคุณจะไม่รักใครอีกหรือจะไม่ได้งานที่ดีกว่า
คุณยังมีเส้นทางให้เดินต่อ
บางครั้ง ชีวิตพาเรามาถึงจุดที่รู้สึกว่าไม่มีอะไรดีเลย
เราอาจยากที่จะเชื่อว่าเราจะผ่านช่วงเวลานั้นได้ ทุกคนวิจารณ์หรือตัดสินเรา และความผิดหวังทำให้เราไม่สามารถเดินต่อได้
แต่ถ้าคุณอนุญาตให้ปล่อยทุกสิ่งที่ทำให้คุณหายใจไม่ออก ถ้าคุณหยุดยึดติดกับความเจ็บปวดและลบล้าง คุณจะได้หายใจอย่างแท้จริง
การเปลี่ยนแปลงอาจน่ากลัว แต่ยิ่งน่ากลัวกว่าคือการอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครเห็นคุณค่า หรือคุณไม่รู้สึกสบายใจ
อย่าปล่อยให้ความกลัวว่ามันจะไม่มีอะไรมาแทนที่สิ่งที่เคยมีมาก่อนพาคุณไป
การเปลี่ยนแปลงคือทางเลือกเพื่อเรียกคืนความรู้สึกเป็นอิสระของคุณ
คุณไม่สมควรทนอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ หรือทำงานที่คุณไม่มีความหลงใหล
ไม่มีอะไรผิดที่จะเลือกก้าวไปข้างหน้า ควบคุมชีวิต และยืนหยัดในทางเลือกของตัวเอง
และไม่ควรอายที่จะเห็นคุณค่าในตัวเองและแสวงหาสิ่งที่สมควรได้รับ
คุณไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์หรือทำงานนั้นเพื่อมีความสุขและรู้สึกสมบูรณ์ในชีวิต
จำไว้เสมอว่าคุณเพียงพอ และต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อแบบนั้น
4. คุณรู้สึกเหนื่อยล้าทางจิตใจและอารมณ์
เป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกเหนื่อยในชีวิต คืนที่ยาวนานและความเครียดเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่สิ่งที่ไม่ควรเป็นเรื่องปกติคือความรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างลึกซึ้งทางจิตใจและอารมณ์อย่างต่อเนื่อง
ทุกคนสามารถประสบกับความรู้สึกนี้ได้ เป็นเรื่องเข้าใจได้ที่บางครั้งเรารู้สึกท้อแท้และหมดแรง
บางทีคุณอาจเคยร้องไห้ในห้องน้ำที่ทำงานหรือสำนักงาน ปรารถนาให้ทุกอย่างหายไป
บางทีคุณทำงานหลายสัปดาห์เพื่อบรรลุเป้าหมายแต่ไม่ได้รับการยอมรับ หรือรอให้ครอบครัวหลับก่อนจะปล่อยน้ำตาออกมา
ความจริงคือความเหนื่อยล้านี้ลึกซึ้งกว่าที่คิดมาก
คุณนอนไม่พอ จิตใจไม่สามารถจดจ่อได้ตลอดวัน และรู้สึกถึงขีดจำกัด
การประชุมทางโทรศัพท์หรืออาหารค่ำเงียบๆ เป็นสถานการณ์ที่ทนไม่ได้สำหรับคุณ
ถ้าความเหนื่อยล้าทางจิตใจและอารมณ์นี้กลายเป็นเรื่องปกติ ถึงเวลาที่ต้องพิจารณาสถานการณ์ชีวิตปัจจุบันใหม่
สิ่งสำคัญคือคุณต้องใช้เวลาไตร่ตรองถึงทุกสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกเช่นนี้
ความเหนื่อยล้าแบบนี้ไม่ใช่วิธีใช้ชีวิต และคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า
เมื่อเราใช้เวลามากเกินไปและพลังงานในการรักษาภาพลักษณ์ “มีความสุข” ของเรา เรามักจะเหลืออะไรให้กับตัวเองน้อยมาก
เราหมดแรงเพราะพยายามทำบางสิ่งที่ไม่ได้คืนกลับมาเท่าเทียมกัน
นั่นไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดีต่อสุขภาพ
คุณไม่ควรต้องให้ทุกอย่างของตัวเองเพื่อให้บางสิ่งดำเนินไปได้
5. คุณเหลืออะไรเมื่อให้ทุกอย่างแล้ว? ถึงเวลาที่จะเริ่มต้นใหม่
ถ้าคุณได้มอบทุกส่วนของตัวเองไปแล้ว อาจรู้สึกว่าไม่มีอะไรเหลือให้ใช้ชีวิตอีกต่อไป
แต่ก็อย่าท้อแท้ อย่ากลัวที่จะเริ่มต้นใหม่
บางครั้ง การป้องกันตัวเองเป็นสิ่งจำเป็นในสถานการณ์ยากลำบาก
การขอความช่วยเหลือไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่เป็นโอกาสในการเติบโตและพัฒนา
โลกต้องการให้คุณมีความสุข และคุณสมควรได้รับชีวิตที่เคยปรารถนาเสมอมา
อย่ายอมรับสิ่งที่น้อยกว่า คุณมีค่ามากกว่าที่คิด
ถ้าอะไรบางอย่างหรือใครบางคนไม่เหมาะสม อย่ารู้สึกอายที่จะยอมรับและเริ่มต้นใหม่
พลังในการลองอีกครั้งอยู่ในมือของคุณเสมอ
ชีวิตไม่ใช่เส้นตรง และคำตอบทั้งหมดไม่ได้อยู่ตรงหน้าตาเราเสมอไป
แม้ว่าชีวิตจะไม่ง่าย แต่ก็มีสิ่งที่จะเรียนรู้และโอกาสในการเติบโตเสมอ
อย่ามองข้ามสัญญาณของชีวิต
แต่ละสัญญาณมีเหตุผล และคุณก็เช่นกัน ไม่มีข้อกำหนดใดๆ ที่บอกว่าชีวิตจะมีเพียงฝันเดียวเท่านั้น
ลองจินตนาการดูว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรถ้าเราไม่มีเสรีภาพในการเปลี่ยนใจ